เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกระดูกพรุนแล้ว?
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นภาวะที่กระดูกบางลงและเปราะง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการหักแม้เพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคนี้ เพราะในระยะเริ่มต้น โรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการ แต่เมื่อเป็นมากขึ้นอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ และทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง
อาการของโรคกระดูกพรุน
ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนอาจพบอาการดังนี้
- ปวดหลังเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
- หลังโก่งหรือค่อมมากขึ้น
- ส่วนสูงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- กระดูกหักง่าย แม้เพียงการหกล้มหรืออุบัติเหตุเล็กน้อย
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินความหนาแน่นของกระดูก
การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
การตรวจที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดคือ การตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) ด้วยเครื่อง DXA (Dual Energy X-ray Absorptiometry) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ โดยวัดค่า T-score เพื่อเปรียบเทียบกับความหนาแน่นกระดูกของคนหนุ่มสาว
| ระดับความหนาแน่นของกระดูก | ค่า T-score | ความหมาย |
| กระดูกปกติ (Normal) | > -1 | กระดูกแข็งแรง |
| กระดูกบาง (Osteopenia) | -1 ถึง -2.5 | กระดูกเริ่มมีความเสี่ยง |
| กระดูกพรุน (Osteoporosis) | ≤ -2.5 | ภาวะกระดูกพรุน |
| กระดูกพรุนรุนแรง (Severe) | ≤ -2.5 + กระดูกหัก | มีความเสี่ยงสูงมากในการเกิดการหักซ้ำ |
ใครบ้างที่ควรตรวจความหนาแน่นของกระดูก?
- ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี
- ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวกระดูกหักง่าย
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มี BMI ต่ำกว่า 20 กก./ม²
- ผู้ที่สูงลดลงเกิน 4 ซม. หรือวัดได้ลดลงมากกว่า 2 ซม./ปี
- ผู้ที่มีประวัติกระดูกหักจากอุบัติเหตุเล็กน้อย
การตรวจเลือดสามารถเช็กความหนาแน่นของมวลกระดูกได้ไหม?
นอกจาก DXA แล้ว ยังมีการตรวจเลือดเพื่อวัด Biochemical Markers of Bone Turnover เช่น CTx, P1NP, Osteocalcin ซึ่งช่วยในการติดตามผลการรักษาโรคกระดูกพรุน แต่ยัง ไม่ใช่เกณฑ์มาตรฐานในการวินิจฉัย
แพทย์มักแนะนำให้ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ของภาวะกระดูกพรุน เช่น แคลเซียม วิตามินดี ฟอสฟอรัส ค่าโปรตีนในเลือด ค่าการทำงานของไต ค่าการทำงานพาราไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นต้น ควบคู่กับการตรวจความหนาแน่นของกระดูก เพื่อประเมินความเสี่ยงการเกิดกระดูกหัก หาสาเหตุของโรคกระดูกพรุน และเพื่อดูประสิทธิภาพการรักษา
การป้องกันและการดูแลกระดูกให้แข็งแรง
แม้โรคกระดูกพรุนจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถ ป้องกันและชะลอความรุนแรง ได้ดังนี้
- รับประทานอาหารที่อุดมด้วย แคลเซียมและวิตามินดี (บางคนอาจมีความจำเป็นต้องรับประทานแมกนีเซียม และวิตามินเคร่วมด้วย)
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเดิน วิ่ง หรือยกน้ำหนัก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
- ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพรุนแล้ว ควรต้องใช้ยารักษาโรคกระดูกพุรนตามข้อบ่งชี้
หากคุณเริ่มมีอาการปวดหลัง หลังค่อม ส่วนสูงลดลง หรือกังวลว่าตัวเองอาจมี ภาวะกระดูกพรุน อย่าปล่อยให้โรคนี้ทำลายคุณภาพชีวิตของคุณ
โรงพยาบาลรักษ์ข้อ มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคกระดูกพรุน พร้อมเครื่องตรวจความหนาแน่นกระดูกมาตรฐานสากล (DXA Scan) และสามารถเลือดที่บ่งชี้เฉพาะ เพื่อช่วยคุณประเมินความเสี่ยง วินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
- ตรวจสุขภาพกระดูกโดยตรงกับแพทย์เฉพาะทาง
- ป้องกันความเสี่ยงกระดูกหักในอนาคต
- ดูแลตั้งแต่การตรวจ วินิจฉัย จนถึงการฟื้นฟู
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แผนกกระดูกและข้อ
โปรแกรมคัดกรองภาวะกระดูกพรุน
สอบถามเพิ่มเติม หรือนัดหมายปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทาง โทร: 02-017-0999
หรือจองแพ็กเกจได้ที่ Line : @luxkorhospital



