โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในเพศหญิง ภาวะนี้เกิดจากมวลกระดูกลดลงและโครงสร้างกระดูกเปราะบาง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิด **กระดูกหัก** ได้ง่าย แม้จากการหกล้มหรือแรงกระแทกเล็กน้อย การประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
ปัจจัยเสี่ยงโรคกระดูกพรุน
Risk Factors for Osteoporosis
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Non-Modifiable Risk Factors)
1. อายุ 65 ปีขึ้นไป
2. เพศหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงเอเชียหรือผิวขาว
3. ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี รวมถึงผู้ที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้าง
4. โครงสร้างร่างกายเล็ก (Small body build)
5. มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกหักง่าย
6. เคยมีประวัติกระดูกหักจากภาวะเปราะบาง (Fragility fracture)
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Modifiable Risk Factors)
1. รับประทานแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ
2. ขาดการออกกำลังกาย (Sedentary lifestyle)
3. สูบบุหรี่
4. ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
5. ดื่มกาแฟหรือน้ำอัดลมในปริมาณมาก
6. มีดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำกว่า 20 กก./ตร.ม.
7. ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานานกว่า 1 ปี
8. ความเสี่ยงต่อการหกล้ม เช่น การมองเห็นไม่ชัด กินยานอนหลับ ยาลดความดันโลหิต
การประเมินความเสี่ยงทางคลินิก
แพทย์นิยมใช้ ‘Bone Mineral Density (BMD)’ หรือการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก เพื่อช่วยวินิจฉัยและประเมินโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน ร่วมกับการสอบถามประวัติ ปัจจัยเสี่ยง และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการเจาะเลือดเฉพาะด้วย
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจประเมินเป็นระยะ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุเกิน 65 ปี เพื่อวางแผนการป้องกันและรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน (Causes of Osteoporosis)
1. โรคกระดูกพรุนชนิดปฐมภูมิ (Primary Osteoporosis)
- Postmenopausal Osteoporosis เกิดในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้กระดูกสลายตัวมากขึ้น มักพบอายุตั้งแต่ 50–65 ปี และเสี่ยงต่อการหักของกระดูกสันหลังหรือข้อมือ
- Age-associated Osteoporosis มักพบในผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี ทั้งชายและหญิง เนื่องจากร่างกายสร้างมวลกระดูกลดลง และได้รับแคลเซียมหรือวิตามินดีไม่เพียงพอ
2. โรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ (Secondary Osteoporosis)
เกิดจากโรคหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อกระดูก เช่น
- ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานเกิน หรือพาราไทรอยด์ผิดปกติ
- การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น แคลเซียม วิตามินดี แมกนีเซียม
- ภาวะขาดฮอร์โมนเพศ เช่น Testosterone ต่ำในผู้ชาย
- การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยากันชัก ยาละลายลิ่มเลือด ยาลดกรดในกระเพาะ
- พฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือขาดการออกกำลังกาย
แนวทางป้องกันโรคกระดูกพรุน
1. รับประทานอาหารที่มี ‘แคลเซียมและวิตามินดี’ เพียงพอ เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย
2. ออกกำลังกายที่เน้นแรงกระแทกและแรงต้าน เช่น เดินเร็ว วิ่งจ๊อกกิ้ง ยกน้ำหนัก
3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา
4. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI 20–25 กก./ตร.ม.)
5. ตรวจสุขภาพกระดูกเป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง
สรุป
โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการจนกว่าจะเกิดภาวะกระดูกหัก การรู้จักปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุที่แท้จริง ช่วยให้สามารถวางแผนการป้องกันได้อย่างเหมาะสม หากคุณมีปัจจัยเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจการประเมินความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงยาวนาน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แผนกกระดูกและข้อ
โปรแกรมคัดกรองภาวะกระดูกพรุน
สอบถามเพิ่มเติม หรือนัดหมายปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทาง โทร: 02-017-0999
หรือจองแพ็กเกจได้ที่ Line : @luxkorhospital



